Intersolar Europe 2017 ตอนที่ 1

วันนี้........จะพาไปไกลจนถึงประเทศเยอรมัน เพื่อเยี่ยมชมงาน Intersolar Europe 2017 ซึ่งเป็นหนึ่งในงานแสดงสินค้าและเทคโนโลยีทางด้านพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก งานนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 พฤษภาคม ถึง 2 มิถุนายน ที่ผ่านมา จัดที่ Messe München exhibition center ในเมืองมิวนิค แคว้นบาวาเรีย ประเทศเยอรมัน ภายในงานแบ่งเป็นทั้งหมด 7 ฮอลล์ โดยแต่ละฮอลล์มีขนาดน้องๆชาเลนเจอร์เมืองทองบ้านเราเลยทีเดียว เรียกได้ว่าเดินกันวันเดียวไม่หมดแน่นอนครับ งาน Intersolar นี้มีการจัดมาอย่างต่อเนื่องมาอย่างยาวนานมากกว่า 25 ปี มีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จะเห็นได้จากในงานปี 2017 นี้ได้มีการแบ่งพื้นที่ถึง 1 ฮอลล์กว่าๆ เพื่อจัดงานร่วมกับงาน EES Europe 2017 ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าและเทคโนโลยีทางด้านการเก็บกักพลังงาน (Energy Storage) หรือการที่มีการจัดงานในภูมิภาคอื่นๆนอกจากที่ยุโรป เช่นที่สหรัฐอเมริกา, อินเดีย เนื่องจากปัจจุบันพลังงานแสงอาทิตย์ได้รับความนิยมอย่างสูงในภูมิภาคต่างๆทั่วโลก

การเดินทางมายัง Messe München exhibition center นั้นทำได้หลากหลายทางทั้ง โดยแท็กซี่, รถประจำทาง หรือ ทางรถไฟฟ้าใต้ดิน ซึ่งสามารถนั่งมาลงที่สถานี Messestadt West ค่าเข้าชมงาน 32 ยูโรสำหรับ 1 วัน และ 50 ยูโรสำหรับ 3 วัน ซึ่งสามารถซื้อได้ทั้งแบบล่วงหน้าในอินเตอร์เน็ตหรือซื้อที่หน้างาน ในส่วนทีมงานของเราได้ทำการลงทะเบียนและซื้อบัตรเข้างานไว้ก่อนทางอินเตอร์เน็ต ก็สามารถปริ้นเอกสารการจ่ายเงินซึ่งจะมี QR code มาให้ด้วย พอมาถึงทางเข้างานก็จะสามารถแสกน QR code ที่ได้ที่เครื่องออกบัตรอัตโนมัติตรงที่กั้นเพื่อผ่านเข้างานพร้อมรับบัตรได้ทันทีครับ สะดวกมากๆเลย

สำหรับผู้เข้าร่วมงานที่มีสำภาระติดมาด้วย ทางผู้จัดงานก็มีบริการฝากกระเป๋าให้ด้วย โดยจะอยู่ตรงชั้นไต้ดิน สามารถลงได้ทั้งทางบันไดหรือลิฟท์ซึ่งอยู่ทางด้านขวามือหลังจากผ่านประตูทางเข้า ในส่วนของฮอลล์ทั้ง 7 ในงานนี้จะถูกแบ่งเป็นผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีทางด้านต่างๆดังนี้

มาเริ่มที่ฮอลล์แรกเลยครับ ฮอลล์ A1 จะจัดแสดงผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีของแผง Solar Cell หรือที่เรียกว่าแผง PV ซึ่งงานนี้มีทั้งบริษัทผลิตแผง PV ทั้งใหญ่และเล็กมากันเพียบ เทคโนโลยีที่น่าสนใจของแผง PV ในงานนี้ที่ทุกเจ้าพร้อมใจกันนำมาแสดงคือ แผง PV ชนิด Double-Glass ทั้งแบบที่โปร่งแสงและแบบทึบแสง โดยจุดเด่นของแผง PV แบบ Double-Glass คือ ความสามารถในการรับแสงเพื่อผลิตพลังงานได้ทั้ง 2 ด้านทั้งหน้าและหลัง ซึ่งทำให้สามารถผลิตพลังงานได้มากขึ้น โดยที่แผงจะสามารถรับแสงสะท้อนจากพื้นทางด้านหลังได้ด้วย ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นจะขึ้นอยู่กับชนิดพื้นผิวที่พื้นว่าเป็นอะไรตามความสามารถในการสะท้อนแสงของพื้นผิวนั้นๆ เช่นพื้นที่มีหิมะจะสามารถสะท้อนแสงได้ดีที่สุด ข้อดีอีกประการของแผงชนิดนี้คือ เป็นแผง PV ที่เป็น PID free ในประเทศไทย แผง PV ชนิด Double-Glass นี้ เริ่มมีการพูดถึงอยู่บ้างแล้ว และมีบางโครงการได้มีการนำแผงชนิดนี้มาติดตั้งใช้งานจริงใน Solar Farm แล้ว ไว้มีโอกาสทางทีมงานจะพาไปเยี่ยมชมครับ เทคโนโลยีอีกตัวที่น่าสนใจของแผง PV ในงานนี้คือ แผง PV แบบ BIPV (Building integrated Photovoltaic) ซึ่งเป็นการผสมผสานเซลล์แสงอาทิตย์เข้ากับวัสดุการก่อสร้างบ้านหรืออาคาร ซึ่งทำให้ในอนาคตเราจะสามารถผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์ได้ทุกที่เลย

ฮอลล์ถัดมา A2 จะจัดแสดงผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีของอุปกรณ์ต่างๆของระบบ Solar สิ่งที่น่าสนใจของฮอลล์นี้คือ อุปกรณ์ที่ถูกพัฒนาให้สามารถรองรับแรงดัน DC ของ Solar Farm ได้ถึง 1,500 โวลต์ จากเดิมที่อุปกรณ์สามารถรองรับได้เพียง 1,000 โวลต์ การพัฒนาให้รองรับแรงดันเพิ่มนี้จะช่วยทำให้สามารถลดต้นทุนของระบบได้ และยังช่วยให้สามารถลดการสูญเสีย (Loss) ทางด้าน DC ได้อีกด้วย

ในฮอลล์ A3 จะเป็นบู๊ตของกลุ่มผู้ให้บริการติดตั้งและบำรุงรักษาระบบ Solar ซึ่งต้องมีการแข่งขันกันอย่างสูง จึงต้องงัดแพคเกจและเทคโนโลยีการออกแบบและดูแลระบบมาโปรโมทกันอย่างครึกครื้น ที่น่าสนใจคือ ในปัจจุบันผู้ให้บริการติดตั้งและบำรุงรักษาระบบ Solar ได้มีการนำโดรน (Drone) มาประยุกต์ใช้ทั้งในการ survey การบริหารโครงการ และการบำรุงดูแลรักษาระบบ

ถัดมา เราไปเยี่ยมชมฮอลล์สุดท้ายของฝั่ง A กันที่ฮอลล์ A4 ซึ่งเป็นการจัดแสดงผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีของระบบโครงสร้างยึดแผง PV (Mounting structure) ทั้งแบบยึดกับที่ (Fix) และแบบหมุนตามดวงอาทิตย์ (Tracking system) สำหรับติดตั้งบนดิน บนหลังคา และบนน้ำ ในปัจจุบันระบบโครงสร้างยึดแผง PV ได้ถูกพัฒนาไปอย่างมากจนมีอุปกรณ์ที่พัฒนามาเฉพาะแต่ละรูปแบบการติดตั้งครอบคลุมเกือบทุกรูปแบบเลยทีเดียว